Posted by: nubalm | วันศุกร์,10 สิงหาคม 2007

~~วันแม่ทำพิษ~~

000480.gif 

ปี  พ.ศ. 2539   โรงเรียนวัดปรกเจริญ(ไกลประชานุกูล )  บรรกาศภายในโรงเรียนคึกคักเป็นพิเศษ เพราะว่าวันนี้เป็น  วันแม่ แห่งชาติ 

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อ มะเขือแกงไก่ เด็กนักเรียนหญิงตัวเล็ก หัวโตผมแดง เดินร้องเพลงชาติ (ไม่แน่ใจว่าชาติไหน)  เดินมากับกลุ่มเพื่อนของเขา

นู๋บาล์ม ไม่เอานะคะ เพลงชาติดีๆนู๋อย่าเอาไปร้องให้เสีย แล้ววันนี้จะต้องร้องเพลง ค่าน้ำนม ร้องให้ดีอย่าให้ใครว่ามาถึงครูได้นะ

นู๋ร้องได้อยู่แล้วละครู เมื่อวานก็ร้องให้ที่บ้านฟัง ที่บ้านยังชมเลย

แล้วครูจะรอฟังนะ ว่าจะจริงอย่างที่คุยหรือเปล่า

เมื่อพูดจบคุณครูก็เดินส่ายก้นหนีไป ส่วนนู๋หม่องก็เดินไปเล่นกับเพื่อนๆ ที่เสาชิงช้าต่อไป  

เมื่อเวลาบ่ายโมงตรง คุณครูใหญ่ ก็ประกาศให้เลิกเรียน และให้นักเรียนมารวมตัวกันที่หน้าหอประชุม กลางสนามหญ้า  เพื่อที่จะได้มาฟังตัวแทนนักเรียนร้องเพลงวันแม่ หอประชุมเป็นแบบเปิดโล่ง คุณครูผู้ชายก็ต่อสายไมโครโฟน  ครูเวรประกาศให้นักเรียนชั้นป.1 ขึ้นไปร้องเพลง  

จิ๋ม เดี๋ยวกูร้องมึงต้องตบมือดังๆด้วยนะโว้ย (เพื่อนชื่อจุ๋มจิ๋ม แต่มันยาวเลยตัดซะ)

เออ กูตบให้ดังๆเลย แล้วมึงบอกให้พี่มึงมาดูแล้วยัง

ไม่ได้บอก เห็นพี่แล้วกูอายร้องไม่ออก ไม่ต้องบอกนะมึง 

ตัวแทนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ออกมาร้องได้แล้วค่ะ เสียงประกาศเรียกดังขึ้น นู๋หม่องก็เดินออกไปหน้าหอประชุม 

แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง แม่เฝ้าห่วงหวงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนแปล ร้องไปมองคนชมไป พอดีสายตาไปสะดุดกับหน้าพี่สาวอย่างจัง  ละเลือดในอะอก โอ้ควรคิดพินิจให้ดี ร้องไม่ถูกแล้ว จากร้องเพลงวันแม่ จะกลายเป็นเพลง ปู่แก้วไปกาดซะ แต่ แด แด๋ แด่ แด็ แด (เพลงร้องงานศพ) เหงื่อออกทั่วหน้า มือไม้สั่นแล้ว หยุดร้องกลางคัน พวกเพื่อนๆหัวเราะกันใหญ่  ตอนนั้นรู้แต่ว่า อายมากๆเลย คุณครูก็เลยประกาศให้ชั้นอื่นขึ้นมาร้องต่อไป  

โอ้แม่เจ้า ไม่เอาอีกแล้ว ร้องเพลงวันแม่ อะไรที่เกี่ยวกะแม่ ไม่เอาแล้วเฟ้ย สรุปวันนั้นคนล้อกันตรึม เพื่อนๆไปบอกพ่อแม่มัน แล้วพ่อแม่มันก็รู้จักที่บ้าน สุดอายเลย เรื่องนี้โดนล้อไปอาทิตย์นึงเต็มๆ พี่สาวก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก จะจำเนื้อร้องได้ไง ก็ครูเล่นบอกให้เตรียมตัวก่อนวันงานแค่วันเดียว แล้วก็ยังเด็กอยู่ด้วย ห่วงเล่นอยู่เลย พี่จ๋านู๋รักพี่ก็ตรงนี้ละ ช่างเข้าใจนู๋ซะจริงๆ     😛


Responses

  1. เออใช่ เพลงนี้อาถรรพ์ ร้องเพลงนี้ทีไร ได้น้ำตาไหลทุกที.. แต่พอดี เสียงห่วยแต่เด็ก เลยไม่เคยมีใครให้ขึ้นไปร้องเพลงจั๊กกะที

  2. สวัสดีวันศุกร์หนูบาล์ม
    เพลงค่าน้ำนม นี่มันซึ้งจริงๆ นะ จริงๆ เพลงอะไรที่เกี่ยวกับแม่พี่ซึ้งหมดละ
    แล้วตอนนี้ร้องได้ยังล่ะเนี่ย หุหุ
    สุขสันต์วันหยุดนะ

  3. กิ๊วๆ มาดูคนร้องเพลงวันค่าน้ำนมผิด หุๆ

  4. when we’re nervous, we do everything wrong. It’s ok, it was your first time.

    Now I think you won’t never forget that song again, huh?

  5. พี่แอบไถ่โทษป่ะคับ 😀

    แหะๆ มีพี่สาวเหมือนกัน

    แต่พี่ไม่เห็นเคยโผล่ไปงานโรงเรียนป๋มเยย T^T

  6. โอ๊ะ โอ .. พ.ศ.2539 หรือนี่หนูบาล์ม หนูกำลังเรียนอยู่ชั้นไหนหรือคะ ? ปีนั้นพี่เจี๊ยบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วอ่า (รู้สึกว่าแก๊ แก่เลยแฮะเรา) 5555+

  7. เวลาของนางฟ้า………………………..โดย กิเลน ประลองเชิง

    .
    .

    ท้ายคำอาลัย…หนังสือที่ระลึกงานศพ คนตายไม่เสียดายที่ได้อ่าน ดังตฤณ เขียนว่า ใกล้วันแม่ บางคนอาจยังไม่ถึงเวลา เข้าใจความหมายของการมีแม่ ขณะที่หลายคน ผ่านเวลานั้นมาแล้ว

    คนเราจะรู้ค่าของชีวิตตัวเองไม่ได้ ถ้ายังไม่รู้ค่าของผู้ให้กำเนิดชีวิตเรา…คือแม่

    “ผมเริ่มเขียนบรรทัดนี้ ในห้องที่แม่นอนหลับ ยังมีลมหายใจ” ดังตฤณ เริ่มต้น

    “เป็นที่รู้ว่าแม่คงไม่ตื่นขึ้นมาคุยกับผมอีก แต่ไม่เป็นไร ผมพูดทุกคำที่อยากพูดกับแม่ไปหมดแล้ว ทำทุกอย่างที่คิดว่าดีที่สุดเพื่อแม่แล้ว เหลืออยู่แค่รอเวลาส่งแม่ขึ้นฟ้า…”

    ดังตฤณ รอเวลาผ่านไปยี่สิบปี ถึงค่อยซึ้งว่า “แม่” มีความหมายว่าอย่างไร

    วันนั้นแม่ไปส่งลูกชาย ที่ตั้งใจเข้าไปปฏิบัติธรรม…จุดส่งตรงเชิงเขา สายตาห่วงใยของพ่อแม่ รุนแรงมากกว่าที่เคยเห็นมาก่อน

    สายตาของแม่…ที่บอกว่ารักเรา สอนให้เรารักคนเป็น ห่วงใยคนเป็น ทั้งชีวิต ดังตฤณและพี่น้องรวมสี่คน จึงไม่กลับกลอก

    เป็นคนมีความฝังใจเลวร้าย

    ตรงข้าม…จุดแห่งความอ่อนโยนในหัวใจ จะคงอยู่ตลอดไป

    เพียงระลึกแล้วรู้ตัวว่ามีแม่

    น้ำเสียงนุ่มนวลแฝงความเข้มแข็งน่ารักของแม่ผม ไม่เหมือนใคร ผมเรียนรู้ว่าตัวเองรักและอยากฟังน้ำเสียงของแม่เพียงใด ก็เมื่อท่านไม่มีเสียงจะพูดเป็นศัพท์แสงเต็มปากเต็มคำเหมือนอย่างเคย

    เสาร์ 21 ก.ค. 50 ในโรงพยาบาล อาการของแม่หนัก จนรู้สึกเหมือนว่าจะไปไม่รอด ลูกๆเปิดเทศนาพระอาจารย์ปราโมทย์ ให้ฟัง

    “กายนี้เป็นทุกข์ ใจนี้เป็นทุกข์ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น”

    แม่ฟังแล้วเกิดปีติซาบซึ้ง อยากจะทำบุญ…อีกสักครั้ง ลูกๆเตรียมของสังฆทาน แม่ร้อง…กลัวว่าจะไม่ทัน พระอาจารย์ปราโมทย์มาเวลาสิบเอ็ดโมงสิบห้า…แม่ลืมตาเห็นพระด้วยสายตายินดี

    เรี่ยวแรงแม่แค่ยกมือแตะถังถวายสังฆทาน…จนครบทุกถัง การทำบุญใหญ่สำเร็จ ประโลมให้แม่สงบเย็น และบังเกิดมหาโสมนัส ตื้นตันจนสะอึกสะอื้นออกมา

    พวกเราได้พบปาฏิหาริย์ของพลังชีวิตระลอกใหม่ แม่มีชีวิตต่อ

    สภาพแทบปกติราวกับไม่เคยป่วยไข้

    วันถัดมา แม่พูดชัดขึ้น เล่าว่าฝันเห็นพระมาบอก “วันนี้วันพระนะ” ซึ่งก็ตรงกับวันพระจริงๆ

    ดังตฤณบรรยายทิ้งท้าย ดีแล้วที่มะเร็งเปิดโอกาสให้เราเห็นใจ และสั่งเสียกันนานหลายเดือน แม่ได้รู้ในช่วงสุดท้ายว่า ค่าของท่านมีต่อพวกเรามากมายปานใด

    แม่ชื่อ อัจฉรา แปลว่า นางฟ้า แม่เราก็แสนดีเหมือน (ชื่อ) นางฟ้า ลูกๆทุกคนเรียกแม่ว่านางฟ้า พร้อมหน้าพร้อมตากัน ส่งนางฟ้าจนวันสุดท้าย

    ผมเคยอ่านจากหนังสืองานศพ…เล่มหนึ่ง…มีผู้เขียนถึงสตรีที่จากไปว่า เป็นนางฟ้า ลงจากฟ้ามาเก็บดอกไม้ในสวนของมนุษย์ เมื่อถึงเวลา…นางฟ้าก็ต้องลากลับสวรรค์

    ทุกคนที่เกิดมา ล้วนแต่มีนางฟ้า…ประจำชีวิต ทบทวนกันดูว่า… วันเวลาแสนสั้นของนางฟ้านั้น…ในฐานะลูก ได้ทำดีที่สุดต่อนางฟ้ามากหรือน้อย

    ถึงเวลานางฟ้ากลับสวรรค์ น้ำตาจากความโศกาดูร คงช่วยอะไรไม่ได้

    พรุ่งนี้…วันแม่ ผมหวังว่า เราจะมีเวลาไปกราบขอพรนางฟ้ากันทุกคน.

    .

    จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ คอลัมน์ ชักธงรบ 11 ส.ค. 50

    อภินันทนาการจาก มะกอก แอนด์ กาฟิวส์

  8. “Inside every one of us is a special talent waiting to come out. The trick is finding it.”
    ทุกคนล้วนมีพรสวรรค์ เคล็ดลับคือหามันให้เจอ

    .
    .

    เขาเป็นเด็กกำพร้าแม่
    อยู่กับพ่อ พี่ชาย และยายที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ส
    เขาเข้ากับพ่อและพี่ไม่ได้ดีเท่าที่ควร ทว่าเขามีเพื่อนชื่อ ไมเคิล ที่มาคอยเติมเต็มมิตรภาพที่ขาดหาย

    เขาคงเป็นคนงานเหมืองถ่านหินตามรอยพ่อและพี่ หากไม่ไปเห็นเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเต้นบัลเล่ต์ข้างโรงมวย

    “แกต้องชกมวย เพราะมันเป็นกีฬาของลูกผู้ชาย” แจ็คกี้ พ่อของเขาย้ำ เพื่อให้เขาหัดชกมวยที่โรงเรียน เขาจำต้องฝืนใจทำตามพ่ออย่างเสียไม่ได้

    ‘แต่ผมอยากเรียนเต้นบัลเล่ต์นะ’ เขาเถียงพ่อในใจ ‘ช่างปะไรล่ะ พ่อไม่รู้หรอก เราไปแอบเรียนกับ มิสซิสวิลกินสัน โดยไม่ต้องบอกให้พ่อรู้ก็ได้นี่นา แต่เอ…ทำอย่างไรเราถึงจะมีรองเท้าเต้นบัลเล่ต์เหมือนเพื่อนๆ เขาเล่า? อา…นี่ไงล่ะ’ เขาลูบคลำนวมชกมวยที่แขวนอยู่ที่คอ ‘ได้การล่ะทีนี้…’ เขาเอานวมคู่นั้นไปขายเอาเงินมาซื้อรองเท้าเต้นบัลเล่ต์

    เขามีความสุขกับการเต้นบัลเล่ต์ได้ไม่นาน แล้ววันหนึ่ง…

    “ไอ้ลูกนอกคอก แกต้องเลิกเต้นบัลเล่ต์โดยเด็ดขาด” เป็นคำขาดของพ่อเมื่อสืบทราบว่าเขาแอบมาฝึกหัดเต้นบัลเล่ต์

    “ทำไมล่ะพ่อ?” เป็นคำถามจากใจที่ขมขื่น

    “ผู้ชายเขาเต้นบัลเล่ต์กันที่ไหนไอ้งั่ง นั่นมันงานของพวกผู้หญิงเขาโว้ย” พ่อผู้หยาบกร้านมีความเชื่อว่า งานบางอย่างเป็นของเฉพาะผู้ชาย และงานบางอย่างสงวนไว้เฉพาะผู้หญิง

    บิลลี่ เด็กชายวัยสิบเอ็ดขวบผู้กำพร้าแม่ ได้แต่ยอมทำตามคำสั่งพ่อ

    “นี่ บิลลี่ นายจะทำตามลมปากของคนอื่น หรือทำตามที่ใจของนายเรียกร้อง หือ?” มิสซิสวิลกินสัน ครูฝึกสอนเต้นบัลเล่ต์ถามเขา

    คำถามประโยคนี้ทำให้เขาคิดได้ว่า นี่มันเป็นชีวิตของเขา เขาเองต่างหากล่ะ ที่จะลิขิต ที่จะเลือกเดินตามฝันของตัวเอง จะว่าไปเขาคงมีเลือดของแม่มากกว่าพ่อ แม่ของเขาเป็นคนอ่อนหวาน ชอบเสียงเปียโน หล่อนจะเล่นเปียโนทุกวัน แต่พอเธอตายจาก บ้านหลังนี้ก็ร้างจากเสียงดนตรี หนำซ้ำ เมื่อฤดูกาลแห่งความหนาวมาเยือน และในบ้านไร้ฟืน พ่อจึงทุบเปียโนหลังนั้นมาก่อไฟผิงกันหนาว

    มิสซิสวิลกินสัน เห็นแววในตัวเขา จึงแนะนำให้ไปออดิชั่นเข้าเรียนที่โรงเรียนรอยัล บัลเล่ต์ ที่ลอนดอน

    แต่…

    เขาไม่ได้ไป…

    แล้ววันหนึ่ง เทพีแห่งโชคก็เข้าข้างเขา วันนั้นผู้เป็นพ่อเห็นบิลลี่เต้นบัลเล่ต์อย่างมีความสุข เห็นการก้าวย่าง กระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะเพลงของลูกชายอย่างมีความสุข มีอิสระปราศจากพันธนาการใดๆ ผูกมัดใจ

    สำหรับบิลลี่แล้ว การเต้นรำหมายถึงการปลดปล่อย เป็นการก้าวล่วงเข้าสู่โลกใหม่ที่รื่นเริงสดใส และสวยงามกว่าโลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้าย

    การเต้นรำคือกระแสไฟฟ้าที่ไหลพล่านทั่วร่างกาย มันช่วยขับเคลื่อนร่างกายและจิตใจให้แก่บิลลี่

    การได้เห็นบิลลี่เต้นรำ ทำให้ผู้เป็นพ่อต้องย้อนกลับมาดูตัวเอง แล้วค่อยๆ เปลื้องความคิด ที่ยึดติดอยู่กับกรอบเก่าๆ ลงทีละน้อยเช่นกัน

    ท้ายที่สุด ผู้เป็นพ่อตัดสินใจหยุดงานประจำ เพื่อทำงานพิเศษหาเงินค่ารถให้บิลลี่เดินทางเข้ากรุงลอนดอน ไปออดิชั่นที่โรงเรียนเต้นบัลเล่ต์เลื่องชื่อ

    หนังเรื่อง Billy Elliot นี้ แม้เป็นหนังที่เกี่ยวกับการเต้นรำ หากแต่สะท้อนปรัชญาของการใช้ชีวิต การกล้าเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตนเองรัก ทั้งยังเป็นการเน้นย้ำว่า ศิลปะที่แท้จริงนั้น อยู่เหนือการแบ่งแยกทางเพศ กฎเกณฑ์ และค่านิยมของสังคม

    และยังเป็นการนำเสนอเรื่องความแตกต่างทางความคิด ตั้งแต่เรื่องของหญิงชาย และเรื่องของเพศที่สาม หรือว่าเกย์อีกด้วย

    Billy Elliot คือตัวแทนของเราทุกคนที่สื่อผ่านภาพของเด็กชายผู้หนึ่ง ซึ่งค้นพบตัวเอง อาจจะดูเหมือนว่านั่นคือพรสวรรค์ส่วนตัว แต่บิลลี่เชื่อว่าทุกคนมีมันอยู่เหมือนกับเขา หากแต่อาจจะเป็นด้านอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป และบางคนยังหามันไม่พบเท่านั้นเอง

    คำโปรยของหนังเรื่องนี้ที่ยกมากล่าวไว้ข้างต้นว่า “ทุกคนมีพรสวรรค์ เคล็ดลับคือหามันให้เจอ” นั้น ไม่ใช่คำพูดที่เลื่อนลอยหรอก

    .
    .
    .

    โธ่ ถัง พี่สอ ใส่สเกตสกิดสิวเสี้ยน นี่ก้อน้า เขียนมาตั้งนานสองนาน หะแรกคิดว่าจะหาเรื่องของเด็กกำพร้าแม่สักคนหนึ่ง (เหมือนแม่หมิวหม่อง) มาเขียนเล่าให้แม่หมิวฟังเนื่องในโอกาสวันแม่จั๊กกะหน่อย เขียนไปเขียนมา (บางท่อนก๊อปเอาเลย) กลายเป็นการโฆษณา และชวนไปดูหนังเรื่องนี้เสียนี่

    ฮ่วย!

    เซ็งเป็ดเลย!!!

    สุขสันต์วันแม่นะแม่คุณ

    ปล. ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ นิยายข้างจอ โดย วินทร์ เลียววาริณ

  9. มีอยู่เพลงหนึ่งนะนู๋บาล์มที่ทำให้เราคิดถึงแม่

    -แม้เราจะไม่พบกัน-

    ของคาราวานขอรับ

    …ไกลสุดไกลแสนไกล แต่ใจไม่ไกลหัวใจ…

    มั่ว ๆ เอา ขอรับ ถูกผิดอย่าว่ากันเน้อขรับ

  10. อยากบอกว่ารักแม่ที่สุดในโลก

  11. ชอบ Billy Elliot ที่สุด… แหม comment อันนี้ ได้ใจมากท่านสอ

  12. สวัสดีวันอังคารจ้าหนูบาล์ม

  13. วันที่ 12 ปีนี้น้องร้องเพลงอะไรให้คุณแม่คะ

  14. อาโหย่

  15. 2539 ตอนนั้นพี่กะลังเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดีคนนึงในยุคนั้นเลยแหละน้องบาล์ม เสียดายมันผ่านยุคน้นมานานแระ เอิกๆๆๆๆ

  16. good morning ka

    i used to be like that when i first have to speak in front of the class a ka…..

    everyone must have the first time a ka….it’s like a lesson….good lesson….

    have a nice day ka…

    (^_^)


ใส่ความเห็น

หมวดหมู่